วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Banana!! กล้วยสารพัดประโยชน์
ของหวาน ความอร่อยที่ต้องระวัง
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เตือนคนวัยทำงาน รับมือโรคออฟฟิศซินโดรม
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เทศกาลกินเจ
ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคง สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต
ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน
การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ
ช่วงเวลา 9 วันที่กินเจนั้น ผู้ที่ต้องการเป็นผู้ถือศีลกินเจอย่างครบสมบูรณ์ตามประเพณี ต้องปฏิบัติตัวดังนี้
1. งดเว้นเนื้อสัตว์ และทำอันตรายต่อสัตว์
2. งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
3. งดอาหารรสจัด ทั้งอาหารเผ็ด หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด
4. งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม หลักเกียว กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ และของมึนเมาต่างๆ เพราะผักดังกล่าวนี้ เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษคอยทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ
5. รักษาศีลห้า
6. ทำบุญทำทาน สำหรับคนที่เคร่งครัดจะนุ่งขาวห่มขาว
7. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์
สำหรับผู้ที่เคร่งครัดมากๆ จะทานอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นคนปรุงเท่านั้น รวมทั้งจะต้องล้างหม้อจนสะอาด แยกภาชนะสำหรับใส่เนื้อสัตว์ออก เพื่อปรุงอาหารเจเฉพาะ นอกจากนี้ยังจุดตะเกียงไว้ 9 ดวงตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับ เพื่อเป็นพุทธบูชา และรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด
ประโยชน์ของการกินเจ
การกินอาหารเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลรักษาประเพณี และละเว้นชีวิตแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมดทำให้ ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน เพราะสารอาหารจากพืชผักและผลไม้จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
2. เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง ทำให้อายุยืนยาวมีผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ร่างกายแข็งแรงรู้สึก มีสุขภาพดี
3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาอาหาร ถุงน้ำดี แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
4. ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้แก่ สารเคมี ยาฆ่าแมลง มลภาวะ และก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ ซึ่งสารอาหารในพืชผัก จะช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่างๆ ได้
5. สามารถต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนปกติ ในบรรดาผู้ที่ทานเจมักไม่ปรากฎโรครุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบเลยในกลุ่มคนผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
6.การกินเจทำให้เกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่โมโหง่าย ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมให้บารมีธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ
7.หยุดการสร้างบาป เวรกรรม ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท จึงปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งทำร้ายตามจองเวร
วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552
7 พันธุ์กล้วยไม้พระราชทานนาม
กล้วยไม้หวายพันธุ์ชมพูนครินทร์ ประทานนามโดย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นกล้วยไม้ลูกผสมระหว่างต้นพ่อพันธุ์ บลัชชิ่ง (Dendrobium Blushing) และต้นแม่พันธุ์ เอริก้า (Dendrobium "Arica") นายสวง คุ้มวิเชียร แห่งแอร์ออร์คิด เป็นผู้พัฒนาพันธุ์ลักษณะ ดอกมีสีโอโรส (สีขาว อมชมพู อมส้ม) ปากดอกเป็นสีชมพูแดง สวยงามและคงทน เป็นกล้วยไม้ที่นิยมนำมาประดับชนิดจัดโชว์ทั้งต้นและดอก ลักษณะพิเศษคือ เมื่อสะท้อนแสงไฟจะเห็นเกล็ดเงินระยิบระยับอ่อนๆ แฝงอยู่ในกลีบดอก ในช่วงอากาศหนาว ดอกจะเปลี่ยนสีเป็นสีโอโรสเข้มจัดทั้งดอก ต้นกล้วยไม้พันธุ์นี้มีขนาดกะทัดรัด ความสูงของต้นและดอกเฉลี่ยประมาณ 30-40 ซม. ออกดอกเฉลี่ยมากกว่า 3 ครั้งต่อปี
กล้วยไม้แอสโคเซ็นดา สุคนธรัศมิ์ พระราชทานนามโดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นแอสโคเซ็นดาลูกผสมระหว่างต้นแม่พันธุ์ คือ แวนดาสามปอยขุนตาล (Vanda denisoniana) และต้นพ่อพันธุ์ คือ แอสโคเซ็นดา คุณนก (Ascocenda Khun Nok) โดย นายปริยุตต์ ยุวานนท์ (บริษัท สากลออร์คิดส์) ผู้พัฒนาพันธุ์และเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานชื่อพันธุ์กล้วยไม้ ซึ่งบริษัทสากล ออร์คิด ได้ทูลเกล้าถวายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 พระราชทานชื่อว่า "สุคนธรัศมิ์" แปลว่ามีกลิ่นหอมอบอวลจรุงใจ ตามพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2551 ได้รับการขึ้นทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 พ.ศ.2551 ลักษณะดอกมีขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว กลีบดอกส่วนปลายเป็นสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอมนุ่มนวล กลิ่นจะหอมมากในช่วงเช้า และหอมตลอดทั้งวัน ออกดอกตลอดทั้งปี
กล้วยไม้เอื้องศรีเชียงดาว พระราชทานนามโดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นกล้วยไม้ดิน สูง 10-25 ซม. แผ่นใบรูปไข่กว้าง มีเส้นใบขนานตามยาวประมาณ 8-10 เส้น และมีจุดประสีแดงอมม่วงทั่วไป ช่อดอกสูง 10-30 ซม. มีประมาณ 4-12 ดอก ดอก สีชมพูมีประ สีชมพูเข้ม กลีบข้างเป็นสีชมพูแกมขาว แผ่คล้ายหูค่อนข้างกลม สีเขียวแกมชมพู กลีบปากมีจุดประสีแดงหรือสีออกแดงแกมชมพูส่วนปลายแผ่เป็น 3 พูตื้นๆ ขนาดประมาณ 10-11 มม. เส้าเกสรเป็นก้อนใหญ่ งวงน้ำหวานเป็นหลอดยาวโค้ง ขนาดยาวประมาณ 11-14 มม. เป็นพืชชนิดใหม่พบเฉพาะที่ดอยเชียงดาว ในประเทศไทย ที่ระดับความสูง 1,800-2,000 ม. ดอกบานช่วงเดือน เม.ย. - มิ.ย.
กล้วยไม้ฟาแลนนอพซิส พรินเซสจุฬาภรณ์ กล้วยไม้พระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณอัครราชกุมารี เป็นกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ที่รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาได้ทูลเกล้าถวาย นามว่า "ฟาเลนนอพซิส พรินเซส จุฬาภรณ์" (Phalaenopsis Princess Chulabhorn) ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์ของ Royal Botanical Garden Peradeniya ประเทศศรีลังกา เป็นลูกผสม Phalaenopsis Rose Miva กับ Phalaenopsis Kandy Queen ขึ้นทะเบียนลูกผสมใหม่จากราชสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2543ลักษณะ ดอกมีขนาดดอกใหญ่ กลีบกว้างกลมมน เหมือนฟาเลนนอพซิสขนาดใหญ่พันธุ์อื่นๆ กล่าวคือ เส้นผ่าศูนย์กลางดอก ประมาณ 9 ซม. x 7.5 ซม. กลีบเลี้ยง (sepal) สองกลีบล่างยาวรี สีขาว มีจุดละเอียดสีเลือดหมูประอยู่ตั้งแต่โคนออกมาจนถึงบริเวณกึ่งกลางกลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงกลีบบนที่เป็นรูปยาวรี กับกลีบดอก (petal) สองกลีบข้าง ที่เป็นรูปกลมใหญ่นั้น เป็นสีขาว โดยมีโคนกลีบเป็นสีชมพูอ่อน ซึ่งค่อยๆ จางเรื่อลงไปจนกลืนกับสีขาว ให้ความรู้สึกสวยงามนุ่มนวล
กล้วยไม้หวาย พันธุ์ "โสมสวลี" พระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นลูกผสมระหว่างต้นพ่อพันธุ์ "คอมแพ็คตั้ม โบตาบลู" (Dendrobium compactum BotaBlue) และต้นแม่พันธุ์ "ขาวธนิดาไวท์" (Dendrobium "Thanida White") โดย นายสวง คุ้มวิเชียร (แอร์ออร์คิดส์) เป็นผู้ผสมพันธุ์ให้ ดอกครั้งแรกเดือนมกราคม 2546 ดอกมีสีม่วงครามอ่อน ดอกออกเป็นพวง และด้วยก้านช่อที่ไม่ยาวมาก จึงโดดเด่นและเหมาะสำหรับเป็นกล้วยไม้ประดับ ชนิดจัดโชว์ทั้งต้นและดอก เป็นกล้วยไม้ที่มีลายเส้นสีขาวอ่อนๆ แฝงอยู่ในกลีบดอกและมีคอดอกสีขาว เมื่อดอกเริ่มบานจะมีสีเข้มหลังจากดอกบานเต็มที่ทั้งช่อ สีม่วงของดอกจะสว่างขึ้น มีขนาดกะทัดรัด ความสูงของต้นและดอกเฉลี่ยประมาณ 40-50 ซม. ออกดอกเฉลี่ยมากกว่า 2 ครั้งต่อปี และได้รับประทานนามจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2550