วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

‘ฟักทอง’ เปี่ยมประโยชน์

ฟักทองเป็นพืชตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวมีลักษณะขรุขระ เนื้อในสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่ ซึ่งแต่ละส่วนของ "ฟักทอง" มีสรรพคุณทางยามากมาย คือ

เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ "เบต้าแคโรทีน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ

ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย

เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ

ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้

เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้

ฟักทองอาหารเพื่อคุณผู้หญิง
และสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนัก "ฟักทอง" นี่แหละค่ะคือ "ตัวช่วย" ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีกากใยมาก และมีแคลอรีไม่สูง ไขมันน้อย จึงไม่ทำให้อ้วน นอกจากนี้ในฟักทองมีวิตามินหลายชนิดในปริมาณสูง จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆ มีน้ำมีนวล แถมสายตายังดูปิ๊งอีกต่างหาก

นอกจากนี้สำหรับสตรีหลังคลอดบุตร "ฟักทอง" ซึ่งมีฤทธิ์อุ่น จะช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง ลดอาการอักเสบ แก้ปวดได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการทาน "ฟักทอง"
เนื่องจาก "ฟักทอง" มีฤทธิ์อุ่น ดังนั้นคนที่ "กระเพาะร้อน" คือมีอาการเช่นกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เ

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เห็ดต้านโรค

คุณสมบัติที่ดีเลิศด้านโภชนาการไม่ว่าจะเป็นแหล่งโปรตีนไขมันต่ำ รสชาติที่หลากหลายมีสารประกอบที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เห็ดเป็นวัตถุดิบที่คนรักสุขภาพหลายคนติดใจ วันนี้เราลองไปทำความรู้จักกับเห็ดเพิ่มเติม เพื่อจัดเป็นเมนูอร่อยเปี่ยมคุณค่า

เห็ดนางฟ้า
เห็นชนิดนี้สามารถเพาะได้บนขอนไม้ผุและขี้เลื่อยที่มีความชื้นสูง เมื่อนำมาปรุงอาหารจะให้รสค่อนข้างอ่อน และไม่ค่อยมีกลิ่น จึงเหมาะกับผู้ที่เริ่มหันมากินเห็ด เพราะหลายคนมีปัญหาในการกินเห็ดบางชนิดที่มีกิล่นและรสเฉพาะตัว เห็ดชนิดนี้มีปริมาณโปรตีนและเส้นใยอาหารสูงจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ผู้ป่วยในระยะพักฟื้นหรือหลังผ่าตัด จุดเด่นอีกข้อหนึ่งคือ ช่วยลดคอเลสเตอรอล จึงเป็นขวัญใจของผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดเปราะและมีไขมันในเลือดสูง
จานอร่อย : นำเห็ดนางฟ้ามาฉีกเป็นเส้นยาวๆ ลวกน้ำร้อนให้สุกพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ นำมายำด้วยการคลุกกับน้ำยำที่ปรุงจากน้ำมะนาว พริกสด น้ำปลา และน้ำตาลเล็กน้อย ใส่ผักสด เช่น หอมหัวใหญ่ ต้นหอม สะระแหน่ มะเขือเทศ ตักใส่จานรองด้วย ผักกาดหอม ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นสามารถเพิ่มเห็ดชนิดอื่นๆ ได้

เห็ดหูหนู
เป็นเห็ดที่มีรสอ่อนแต่โดดเด่นด้วยความลื่น และเคี้ยวแล้วรู้สึกกรุบกรอบนิดๆ คล้ายสาหร่ายทะเล มีสาร "อะดีโนซีน" ซึ่งมีคุณสมบัติลดความข้นเหนียวของเลือดเหมือนที่พบในกระเทียมและหอมหัวใหญ่ ลดความเสี่ยงของภาวะเส้นเลือดอุดตันตามหลอดเลือดสมองและหัวใจ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สูงอายุและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว

จานอร่อย : ขอแนะนำก๋วยเตี๋ยวสารพัดเห็ดค่ะ วิธีการก็ง่ายนิดเดียว เพียงลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ผัก เต้าหู้ เห็ดหูหนู และเห็ดอื่นๆ ที่คุณชอบอีก 2-3 ชนิด ตักใส่ชามปรุงรสตามชอบ เติมพริกไทย ต้นหอม ผักชี และกระเทียมเจียวโรยหน้าเล็กน้อย สุดท้ายเติมน้ำซุปเท่านี้ก็เรียบร้อย

เห็ดชิตาเกะ
เห็ดชนิดนี้เติบโตได้ดีบนขอนไม้ที่ได้จากไม้เนื้อแข็ง คุณสมบัติเด่นคือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ เพราะในเห็ดชิตาเกะมีสารที่เป็นประโยชน์ในการต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้สาวๆ ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณไม่ควรพลาด เนื่องจากเห็ดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้

จานอร่อย : เห็ดซิตาเกะ เมื่อนำไปต้มน้ำซุปจะให้รสหวานอ่อนๆ เข้ากันได้ดีกับฟักเขียวหรือหัวไชเท้าและไก่ อย่าลืมเพิ่มเก๋ากี้ สมุนไพรจีนเม็ดแห้งสีแดง ที่มีสรรพคุณบำรุงสายตา บำรุงไต บำรุงปอด แก้อ่อนเพลียได้อีกด้วย

เห็ดไมตาเกะ
รู้จักกันในฉายา "แม่ไก่แห่งป่า" เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายขนนกสีน้ำตาลรวมกันเป็นกลุ่มขนาดย่อมๆ เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นหากต้องการกินเห็ดที่สดใหม่จึงต้องรอช่วงปลายปี นอกเหนือจากนั้นจะเป็นเห็ดที่แช่เย็นเอาไว้ คุณค่าที่ได้ก็จะลดลงไปตามส่วน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง หรือเนื้องอก เนื่องจากมีสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิตและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ


จานอร่อย : ด้วยกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของเห็ดไมตาเกะ เราขอแนะนำให้ปรุงเป็นอาหารนึ่งไอน้ำ เช่น ตุ๋นกับเต้าหู้ถั่วเหลืองชนิดอ่อน ปรุงรสเล็กน้อยด้วยเต้าเจี้ยว เพิ่มความหอมด้วยขึ้นฉ่ายต้นหอม และขิงหั่นฝอย กินเป็นอาหารเช้ากับข้าวสวยร้อนๆ


เห็ดกระดุม
เห็ดยอดนิยมที่พ่อครัวทั่วโลกนำมาปรุงเป็นอาหารขึ้นโต๊ะอยู่เป็นประจำ ที่คุ้นเคยมากที่สุดคือนำมาปรุงเป็นเครื่องโรยหน้าพิซซ่าของโปรดของใครหลายคน เห็ดชนิดนี้มีสีขาวและมีรสอ่อนย่อยง่าย เหมาะกับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกข้อหนึ่งคือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันป้องกันการเกิดเนื้อร้าย

จานอร่อย : นอกจากนำมาโรยปรุงเป็นหน้าพิซซ่าได้แล้ว เห็ดกระดุมยังเหมาะกับการนำมาปรุงในอาหารจำพวกผัดที่ใช้ไฟแรงเลือกผักที่คุณชอบ เช่น แครอท พริกหวาน กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ หั่นเป็นชิ้นพอคำพักไว้ก่อน นำกระทะมาตั้งไฟใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่เห็ดกระดุมหั่นบางๆ ผัดกับกระเทียมให้หอม จากนั้นใส่ผักที่เตรียมไว้ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองและซีอิ๊วขาว

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แอปเปิ้ลหลากสีต้านโรค

แอปเปิ้ล ผลไม้ที่มีขายกันอย่างแพร่หลาย แต่คุณจะรู้ไหมว่า เจ้าแอปเปิ้ล นี้มีประโยชน์กับสุขภาพร่างกายของเราแค่ไหน

แอปเปิ้ลแดง เป็นที่คุ้นตากันที่สุด โดยเฉพาะพันธุ์ "Red delicious" ที่มีจุดเด่นในเรื่องสุขภาพ คือ มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วยค่ะ

แอปเปิ้ลสีชมพู เช่น แอปเปิ้ลพันธุ์ "Fuji" นั้น มีฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาเพื่อนๆ แอปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้จะช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมี ฟลาโวนอยด์ ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย


แอปเปิ้ลสีเขียว รสเปรี้ยวอมหวาน เป็นขวัญใจคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักก็มีดี ไม่แพ้ใคร เพราะการกินแอปเปิ้ลสีเขียว อย่างพันธุ์ "Granny Smith" นอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างอิลาสตินและคอลลาเจน ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่นได้ดี

แอปเปิ้ลสีเหลือง เป็นแอปเปิ้ล ที่ออกจะมีประโยชน์ฉีกแนวต่างจากเพื่อนๆ เพราะแอปเปิ้ลสีเหลืองอย่างพันธุ์ "Golden Delicious" มีสารเคอร์เซตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

‘ฟักทอง’ เปี่ยมประโยชน์


ฟักทองเป็นพืชตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวมีลักษณะขรุขระ เนื้อในสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่ ซึ่งแต่ละส่วนของ "ฟักทอง" มีสรรพคุณทางยามากมาย คือ

เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ "เบต้าแคโรทีน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ

ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย

เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ

ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้

เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้

ข้อควรระวังในการทาน "ฟักทอง"
เนื่องจาก "ฟักทอง" มีฤทธิ์อุ่น ดังนั้นคนที่ "กระเพาะร้อน" คือมีอาการเช่นกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เลือกที่นอนเหมาะกับวัย


การพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือ การนอนและสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรานอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม สบายกายสบายตัว คงหนีไม่พ้นที่นอนที่สมส่วนและได้มาตรฐาน ถ้าที่นอนไม่ดี อาจทำให้การนอนพักผ่อนบนที่นอนที่อย่างน้อยก็คืนละไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมงของเราไม่มีความสุข ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งกายและใจ เคล็ดลับสุขภาพดีอาทิตย์นี้ มีวิธีเลือกที่นอนให้หลับสบายส่งผลดีต่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ

นพ.ยอดรัก ประเสริฐศัลยแพทย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพให้ความรู้ว่า การเลือกที่นอนสำหรับเด็กจะเลือกที่นอนแบบใดก็ได้ เพราะกล้ามเนื้อยังแข็งแรงอยู่ส่วนวัยผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคกระดูก วิธีการเลือกอาจไม่แตกต่างกับวัยเด็กเท่าใดนัก แต่การเลือกที่นอนที่ถูกต้องก็คือ ไม่ควรเลือกที่นิ่มเกินไปและแข็งจนเกินไป ควรเลือกที่มีความแน่นกำลังดีนอนแล้วสบายตัวตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้สึกปวดเมื่อย

สำหรับในผู้สูงอายุต้องเน้นมากเป็นพิเศษ เพราะเวลาอายุมากขึ้นกระดูกสันหลังเริ่มเสื่อมและยิ่งนอนที่นอนไม่ดี ก็จะยิ่งทำให้ปวดหลังมากขึ้น สมัยก่อนผู้สูงอายุมักบอกว่านอนที่นอนแข็งๆ แล้วหายปวดหลัง แต่อาจจะกลายเป็นว่า ไปปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อจุดอื่นๆ แทน สำหรับที่นอนที่นิ่มเกินไปนั้นก็มีผลเสียด้วยเช่นกัน เพราะเวลาเราพลิกตัวจะทำให้กล้ามเนื้อฝั่งตรงข้ามออกแรงต้านมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้นและส่งผลทำให้มีอาการปวดหลัง
ส่วนวิธีการเลือกที่นอนอื่นๆ ที่ควรทราบก็เช่น ควรเลือกที่นอนที่มีขนาดใหญ่พอสมควรหากต้องนอนหลายคน เพราะถ้าที่นอนเล็กเกินไปอาจมีพื้นที่น้อยในการขยับตัว ทำให้เรานอนเกร็งและเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการปวดหลัง นอกจากนี้คุณหมอยังแนะนำถึงวิธีการใช้ที่นอนที่ถูกต้องว่าฟูกที่นอนที่คุณภาพดีๆ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี หลายคนมักเข้าใจผิดว่าสามารถใช้ได้ตลอด ที่สำคัญต้องรู้จักสังเกตว่าที่นอนยังอยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ มีรอยบุบหรือแตกหรือเปล่า หากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นลองใช้มือลูบดูว่าที่นอนเป็นแอ่งหรือเปล่า หากเป็นแสดงว่าที่นอนเริ่มเสื่อมแล้วแต่วิธีการถนอม ที่นอนที่ดีควรกลับด้านทั้ง 4 ด้าน ประมาณ 6 เดือนครั้งและควรทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่อาจทำให้เราเจ็บป่วยหรือเป็นโรคภูมิแพ้ได้

อย่างไรก็ตามถ้าเราเลือกที่นอนไม่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกายแล้วจะมีผลกระทบคือ จากการที่กระดูกไม่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งเป็นการ เร่งให้กระดูกเสื่อมเร็วขึ้น กล้ามเนื้อมีอาการบาดเจ็บมากขึ้น มีอาการปวดหลังเรื้อรัง นอนหลับไม่สบายจนกระทั่งทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงตามลำดับ

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สมุนไพรใกล้ตัว ลองกอง


ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Aglaia Dookkoo Griff.
ชื่อสามัญ : Longkong
ชื่อท้องถิ่นทุกๆภาคเรียกเหมือนกัน ว่าลองกอง ยกเว้นแถบมลายู และ จ.นราธิวาส เรียก ดูกู หรือโดกอง จ.นครศรีธรรมราช เรียก ลังสาดเขา

ลองกองเป็นไม้ตระกูลเดียวกับลางสาด ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นไม้ทรงพุ่มลำต้นสีน้ำตาลเขียว ใบรูปร่างยาวรี ผิวใบมัน ออกดอกเป็นช่อตามกิ่ง ผลทรงกลม ผิวเปลือกนอกของผิวลองกองหนาหยาบและผลเกาะแน่นกว่าลางสาด รวมถึงมียางน้อยหรือไม่มียางเลย ผิดกับลางสาดที่มียางมาก เนื้อในลองกองจะเป็นกลีบๆ สีขาวใส แห้ง รสหวาน ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี เป็นต้น จะออกผลในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม

ประโยชน์ในตำรายาไทย
การรับประทานลองกอง จะช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน เปลือกผลแห้งเอาไปเผาไล่ยุงได้ เปลือกและเม็ด มีส่วนประกอบของสารเคมี essential oil, lansic acid และ lansionic acid ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งมีความสำคัญทางการแพทย์และอุตสาหกรรม ผิวเปลือก มีรสขม มีสารแทนนิน (tannin) เป็นจำนวนมาก เปลือกของต้นและใบ ต้นเป็นยารักษาโรคบิด กิ่งต้นดื่มรักษาโรคกระเพาะ

ลองกองมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าแถบมลายู อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ และตอนใต้ของประเทศไทย