วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สารพัดประโยชน์จากพริก

พริก...ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ช่วยให้ระบบการหายใจสะดวกสบายยิ่งขึ้น สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูกหรือลดปริมาณสารที่ขัดขวางระบบการหายใจ ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ไซนัส หรือโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ช่วยบรรเทาอาการไอ สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของตัวยาหลายๆ ชนิด นอกจากนั้นสารเบตาแคโรทีนในพริกช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ในบริเวณเนื้อเยื่อบุผนังช่องปาก จมูก ลำคอ และปอด

พริก...ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด หรือการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน การบริโภคพริกเป็นประจำจะช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการอุดตันของเส้นเลือด นับเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจล้มเหลว เนื่องจากพริกช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและช่วยลดความดัน เพราะว่าในพริกมีสารจำพวกเบตาแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับตัวเข้ากับแรงดันระดับต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

พริก...ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอล สารแคปไซซินช่วยป้องกันมิให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Low density lipoprotein) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-high density lipoprotein) มากขึ้น ทำให้ปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดต่ำลง เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค

พริก...ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากพริกเป็นพืชผักที่มีวิตามินซีสูง การบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีมากๆ จะช่วยปกป้องการเกิดโรคมะเร็งได้ วิตามินซียับยั้งการสร้างไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร วิตามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อน รวมถึงเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กล้ามเนื้อและปอด คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์เนื้อร้ายได้

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไอศครีม...คุณค่าที่คุณเลือกได้

ไอศครีมเป็นของหวานทำด้วยครีม ไข่ กะทิ น้ำตาล ที่ทำให้แข็งด้วยความเย็น ส่วนประกอบต่าง ๆ ล้วนแต่เพิ่มน้ำหนักให้กับผู้บริโภคทั้งสิ้น จึงควรเลือกชนิดของไอศครีมที่เหมาะสมหรือหลีกเลี่ยงไอศครีมชนิดที่มีไขมันสูง และไม่ควรรับประทานบ่อย ไอศครีมที่มีขายตามท้องตลาดมีหลายชนิด การเลือกรับประทานชนิดที่เหมาะสมจะทำให้ไม่เพิ่มไขมันและน้ำหนักตัวให้เป็นปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง ไอศครีมชนิดต่าง ๆ มีดังนี้

ไอศครีมธรรมดา ได้แก่ ไอศครีมวานิลลา กาแฟ ช็อคโกแลต ไอศครีมประเภทนี้ทำจามครีม ซึ่งเป็นไขมันจากนม นมผง (Milk Solids) และมีการปรุงแต่งรสชาติ ไอศครีมเหล่านี้มีไขมันจากนม อย่างน้อยร้อยละ 10 และมีนมผงอย่างน้อยร้อยละ 20 ไอศครีมนม (Ice Milk) มีไขมันจากนมอยู่ระหว่างร้อยละ 2-7 และมีนมผงอย่างน้อยร้อยละ 11

ไอศครีมเชอร์เบท (Sherbet) เป็นไอศครีมที่ไม่มีไขมันจากนมเนย และมีนมผงอยู่ระหว่าง 2-5 นอกจากนี้สิ่งที่แตกต่างจากไอศครีมอื่น ๆ ก็คือ ไอศครีมเชอร์เบทจะมีรสเปรี้ยว ซึ่งเกิดจากกรดผลไม้ที่อยู่ในส่วนผสม โดยทั่วไปไอศครีมเชอร์เบทจะมีกรดอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.35

ไอศครีมโยเกิร์ต (Frozen Yogurt) เป็นไอศครีมที่ทำจากโยเกิร์ตและเติมส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ผลไม้ เจลาตินลงไป ปริมาณไขมันในไอศครีมประเภทนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโยเกิร์ตที่นำมาทำไอศครีม

ไอศครีมกะทิ เป็นไอศครีมที่มีการทดแทนไขมันจากนมด้วยกะทิ เป็นไอศครีมแบบไทย ๆ ที่มีความหวานมันและรสชาติอร่อย ไอศครีมกะทิสามารถเติมส่วนประกอบอื่นได้หลากหลาย เช่น ไอศครีมลอดช่อง ไอศครีมเผือก ไอศครีมถั่วดำ ไอศครีมเหล่านี้ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน ปริมาณไขมันจึงแตกต่างกันไปตามปริมาณกะทิที่ผู้ผลิตใส่ลงไป

ไอศครีมหวานเย็น ทำจากน้ำหวานหรือน้ำผลไม้แช่แข็ง ไอศครีมชนิดนี้ไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบเลย


หลายคนคงไม่ปฏิเสธว่าไอศครีมชนิดไหนก็อร่อยทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต้องระวังในการบริโภคก็คือ ไอศครีมแต่ละชนิดมีไขมันเป็นส่วนประกอบ ทั้งไอศครีมจากนมและกะทิ ซึ่งมีผลทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลสูงขึ้นได้ ผู้ที่มีปัญหาทางด้านโภชนาการ จึงควรพิจารณาเลือกรับประทานไอศครีมตามความเหมาะสมดังนี้

ผู้ที่มีระดับคลอเรสเตอรอลสูง ควรเลือกไอศครีมที่มีส่วนผสมของไขมันน้อย หรือเลือกไอศครีมที่ไม่มีไขมันเลย เช่น ไอศครีมเชอร์เบท หรือไอศครีมหวานเย็น

ผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ควรรับประทานไอศครีมเป็นครั้งคราว และจำกัดปริมาณไอศครีมทุกชนิด เนื่องจากส่วนผสมของไขมันและน้ำตาลที่มีอยู่ในปริมาณมาก มีผลทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ใสเลือดสูงขึ้นได้

ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรเรียนรู้เรื่องการแลกเปลี่ยนอาหาร โดยปริมาณของไอศครีมขนาดเท่ากับ 1 ลูกปิงปอง จะเท่ากับข้าวครึ่งทัพพี และไขมันหรือน้ำมัน 1 ช้อนชา

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงไอศครีมที่มีไขมันสูง หากจะรับประทานไอศครีมให้เลือกไอศครีมเชอร์เบท หรือไอศครีมหวานเย็นและรับประทานเป็นครั้งคราว

"ไอศครีมของหวานรสชาติอร่อย ถูกปากถูกใจ และยังให้ความสดชื่นแก่ผู้บริโภค แต่ก็ต้องระมัดระวังรู้จักเลือกชนิดให้เหมาะกับร่างกายด้วย จะได้ทั้งความอร่อยและไม่เสียสุขภาพ"

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ไม่ควรทำหลังกินอิ่ม

1.อย่าสูบบุหรี่ จากผลการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า การสูบบุหรี่หลังอาหาร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึงสิบมวน (ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น)2.อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร เพราะมันไปพองในท้อง ให้กินผลไม้ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะดีกว่า

3. อย่าดื่มน้ำชา เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้นทำให้ย่อยยาก
4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ

5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว เพราะการอาบน้ำจะทำให้โลหิตไหลเวียนไปที่มือและเท้าทั่วร่างกาย เป็นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียน บริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่

6. อย่าเดินหลังอาหาร แม้คุณจะเคยได้ยินว่า กินข้าวแล้ว ให้เดินสัก 100 ก้าว จะทำให้อายุยืนถึง 99 ปีการเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อดูดซึม สารอาหารทำได้ไม่ดี ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดิน ถ้าต้องการ

7. อย่านอนทันที อาหารที่รับประทานเข้าไป ไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อาจทำให้เกิดลม หรือแก๊สในทางเดินอาหาร

หมาจะบ้า ไม่ต้องรอหน้าร้อน

ความจริงแล้วโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์มายังคนที่ร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่ง ที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่เพราะอากาศร้อน เกิดขึ้นได้ในสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว กระต่าย ปศุสัตว์ เช่น วัว ควาย ม้า แพะ แกะ สุกร สัตว์ป่า เช่น เสือ หมี ลิง ชะนี กระรอก กระแต แม้แต่สัตว์ปีกที่เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างค้างคาว และที่สำคัญที่สุด คือ คน

ในเมื่อโรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้เกิดเพราะสุนัขหงุดหงิด ดุร้าย เนื่องมาจากอากาศร้อนอย่างที่บางคนเข้าใจ จำเป็นหรือไม่ที่โรคพิษสุนัขบ้าจะต้องเกิดในหน้าร้อน ที่จริงโรคพิษสุนัขบ้าแล้วเกิดได้ตลอดทั้งปี ไม่มีฤดูกาล แต่อาจจะพบมากในหน้าร้อน สาเหตุใหญ่เพราะสุนัขจรจัดที่เพ่นพ่านอยู่ตามถนนหรือวัดมักมีการแก่งแย่งอาหาร การคุ้ยกองขยะ และที่สำคัญ คือ ช่วงฤดูผสมพันธุ์เดือนสิบสอง หรือฤดูติดสัดสุนัขจะกัดกันเพื่อแย่งตัวเมีย การแพร่กระจายของโรคพิษสุนัขบ้าจึงมีมากในช่วงนี้ ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 3 อาทิตย์ ถึง 3 เดือน หมาจึงแสดงอาการของโรคในช่วงหน้าร้อนพอดี คนก็เลยเข้าใจว่าโรคพิษสุนัขบ้ามักจะเป็นในหน้าร้อนจากสถิติพบว่า หมาเพศผู้พบเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามากกว่าหมาเพศเมียกว่า 2 เท่า ผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2 เท่า และส่วนใหญ่เกิดจากลูกหมาอายุต่ำกว่า 3 เดือนกัด เนื่องจากไม่คิดว่าลูกสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้า และส่วนหนึ่งเกิดจากหมาที่มีเจ้าของซึ่งไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกัด ซึ่งเจ้าของมั่นใจว่าเลี้ยงไว้แต่ในบ้าน และไม่ยอมนำไปฉีดวัคซีน ดังนั้นผู้เลี้ยงหมาควรต้องฉีดวัคซีนให้ ถึงแม้จะอยู่แต่ในบ้าน รวมถึงแมว และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.2535 เจ้าของหมาอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไปต้องนำหมาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และต้องฉีดซ้ำอีกครั้งตามคำแนะนำของสัตว์แพทย์ ซึ่งโดยปกติสัตวแพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนปีละครั้ง แต่ถ้าหมาของคุณออกไปเพ่นพ่านนอกบ้าน ก็จะมีโอกาสรับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ง่าย และถือเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก ดังนั้นเจ้าของควรพาหมาและสัตว์เลี้ยงไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ

“วันนี้หมาของคุณฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแล้วหรือยัง” ถ้าอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป ให้พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนได้เลย

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทุเรียน...ประโยชน์มากกว่าที่คิด

ทุเรียนได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ทุเรียนมีมากกว่า 30 ชนิด มีอย่างน้อย 9 ชนิดที่รับประทานได้ ทุเรียนมีสายพันธุ์ประมาณ 100 สายพันธุ์ให้ผู้บริโภคเลือกรับประทาน ในประเทศไทยพบทุเรียนอยู่ 5 ชนิด มิใช่ว่าจะมีแต่เพียงเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อยเพียงอย่างเดียว คุณค่าอย่างอื่นของทุเรียนก็มีด้วย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร ไขมัน โปรตีน น้ำ เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซิน วิตามินซีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม

นอกจากนั้นทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ทั้งยังอุดมไปด้วยกำมะถันและคอเลสเตอรอล ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเพราะหากกินเข้าไประดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วยังทำให้ร้อนในและรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว

ในตำราสมุนไพรไทย กล่าวไว้ว่า ส่วนต่าง ๆ ของทุเรียนสามารถนำมาใช้เป็นยาได้ โดยใบมีรสขม,เย็นเฝื่อน มีสรรพคุณแก้ไข้, แก้ดีซ่าน,ขับพยาธิ และทำให้หนองแห้ง เนื้อทุเรียนมีรสหวาน,ร้อน มีสรรพคุณให้ความร้อน,แก้โรคผิวหนัง,ทำให้ฝีแห้ง และขับพยาธิ เปลือกทุเรียนมีรสฝาดเฝื่อนใช้สมานแผล,แก้น้ำเหลืองเสีย,พุพอง,แก้ฝี,ตาน,ซาง,คุมธาตุ,แก้คางทูม และไล่ยุงและแมลง ส่วนรากมีรสฝาดขมใช้แก้ไข้และแก้ท้องร่วง
คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แถวบ้านเรา (ลาว เขมร พม่า) เชื่อว่าทุเรียนมีคุณสมบัติให้ความร้อนซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเหงื่อออกมากกว่าปกติ วิธีโบราณที่จะลดผลกระทบจากความร้อนนี้คือ รินน้ำลงในเปลือกทุเรียนหลังจากเนื้อถูกรับประทานแล้วและดื่มน้ำนั้น อีกวิธีคือรับประทานทุเรียนไปพร้อมกับมังคุด ซึ่งถูกคิดว่ามีคุณสมบัติให้ความเย็น มีความเชื่อโบราณที่ห้ามผู้หญิงมีครรภ์หรือคนที่มีความดันเลือดสูงรับประทานทุเรียน

ในบางที่เชื่อว่าทุเรียนจะเป็นอันตรายเมื่อรับประทานร่วมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เชื่อว่าห้ามกินเหล้ากับทุเรียน เพราะมัน “ร้อน” ทั้งคู่ เดี๋ยวหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี คือบางทีรับประทานทุเรียนเพียงอย่างเดียวก็อาจตายได้ หากรับประทานมากเกินไป ไม่รู้จักความพอดี ฉะนั้น อะไรที่มันมากเกินไปมันก็ไม่ดี เดินสายกลางดีกว่าพระท่านสอนไว้

นอกจากนี้แล้ว ทุเรียนยังสามารถนำไปแปรรูปและทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด แยมทุเรียน นอกจากอาหารหวานแล้ว อาหารคาวก็นำทุเรียนอ่อนมาแกงได้

เปลือกทุเรียนที่เราเคยเห็นเขาทิ้งเขาขว้างหลังจากที่ปอกเปลือกให้เราแล้ว เชื่อไหมว่า เขาสามารถนำเปลือกทุเรียนมาทำเป็นกระดาษได้ โดยนักวิจัยจากกลุ่มวิจัยพัฒนาการแปรรูปผลิตผลเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเปลือกทุเรียนเมื่อแปรรูปเป็นกระดาษแล้ว จะมีคุณภาพเด่นเฉพาะตัว คือให้เส้นใยนุ่มและเหนียวกว่าเนื้อกระดาษสา สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังสามารถผสมเส้นใยของผัก ผลไม้ต่าง ๆ กับเปลือกทุเรียนในการทำกระดาษ จะทำให้ได้กระดาษที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเฉพาะตัวต่างกันไป เช่น เปลือกมังคุดได้สีม่วงธรรมชาติ เปลือกแก้วมังกรจะได้กระดาษสีม่วงธรรมชาติและผิวสัมผัสนุ่ม ใบเตยจะได้กระดาษที่มีกลิ่นหอมและมีสีเขียว หากสนใจทำกระดาษจากเปลือกทุเรียนน่าจะสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี จ.จันทบุรี
มิใช่แต่กรมวิชาการเกษตรเท่านั้น ที่อื่นเขาก็ทำกัน เช่น นักศึกษาจาก ภาควิชาเทคโนโลยี การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ทำกระดาษจากเยื่อเปลือก ทุเรียนขึ้น มีลวดลายในตัวจากหนามทุเรียน โดดเด่นไม่เหมือนใคร คุณภาพดีเหมาะแก่การนำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูงอาจทำให้อ้วนได้


ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

6 ข้อดีดื่มน้ำบรรเทาหวัด

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษมักเป็นหวัดได้ง่าย "โรคหวัด" เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้มีอาการปวดศรีษะ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอ จาม มีเสมหะ ถ้าไม่ดูแลรักษาตัวให้ดีอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เมื่อเป็นหวัดแนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพราะน้ำสามารถช่วยเยียวยาร่างกายให้หายจากหวัดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่า..

1. น้ำช่วยละลายเสมหะไม่ให้เหนียว โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่น
2. ช่วยลดไข้หากไข้ขึ้นสูง น้ำนี่แหล่ะที่จะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้
3. ช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
4. ช่วยให้เยื้อบุจมูกที่บุช่องทางเดินหายใจส่วนบนทำหน้าที่ได้ดีขึ้น จึงช่วยลด
อาการคัดจมูก
5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ
6. ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น

นอกจากนั้น หากอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติมากขึ้น แนะนำให้ลองดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำกีวี น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพราะวิตามินซีช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น ส่วนคนที่มีอาการเจ็บคอสามารถบรรเทาอาการโดยใช้เกลือละลายน้ำอุ่นกลั้วคอ 2-3 วันติดต่อกันอาการจะทุเลาลงโดยไม่ต้องใช้ยา

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ท้องว่าง อย่ากิน...

ไม่ได้หมายความว่า ห้ามกินอาหารแล้วปล่อยให้ท้องว่างต่อไปหรอกนะ แต่หมายถึงเวลาท้องว่างไม่ควรกินอาหารที่จะบอกต่อไปนี้ต่างหากล่ะ

นม

ไม่ว่าจะเป็นนมวัวหรือนมถั่วเหลืองก็ไม่ควรดื่ม นอกจากว่าจะกินกับขนมปังหรืออาหารจำพวกแป้ง

กล้วย

หลายคนคิดว่าเวลาท้องว่างต้องกินกล้วย แต่ผิด!! ถ้าเรากินกล้วยเวลาท้องว่าง จะส่งผลให้ปริมาณแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น เพราะในกล้วยมีธาตุแมกนีเซียมสูงมาก และเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างแคลเซียมและแมกนีเซียมในกระแสเลือด ซึ่งเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ

ผัก

การกินแต่ผักอย่างเดียวเวลาท้องว่างก็จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ

น้ำตาล

น้ำตาลหรืออาหารรสหวาน เพราะเมื่อโปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลก็จะเป็นการลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต และส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีน

ชาชงแก่ๆ

จะทำให้เกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง

กระเทียม

คิดว่าคงไม่มีใครกินกระเทียมเปล่าๆ เวลาท้องว่าง แต่ก็จะบอกไว้ว่ากระเทียมจะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง

ลูกพลับ

ยางของลูกพลับเมื่อรวมตัวกับน้ำย่อยแล้ว จะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ท้องว่างๆ ดื่มแต่แอลกอฮอล์อย่าเดียวก็ระวังโรคกระเพาะจะถามหาเอาได้นะ

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ที่มาของ ปาท่องโก๋ คนไทย

บทความ เกร็ดความรู้ เรื่อง ที่มาของ ปาท่องโก๋ คนไทย เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าชื่อเก๋ๆ อย่างขนม ปาท่องโก๋ มีที่มาที่ไปอย่างไร ใครเป็นคนค้นคิดขึ้น วันนี้เราจึงนำ บทความ เกร็ดความรู้ เรื่อง ที่มาของ ปาท่องโก๋ คนไทยมาฝากกันค่ะ ไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ เรื่อง ที่มาของ ปาท่องโก๋ คนไทย กันดีกว่าค่ะ

ประเทศจีนราวปี พ.ศ. 297 "ใจก๊วย" เป็นผู้สำเร็จราชการแทนเจ้าชิวั่งตี่ มีหน้าที่คอยกราบทูลแนะนำสิ่งต่างๆ ถวาย ได้รับหนังสือลับจากกองทัพตาด ให้กราบทูลแนะนำกษัตริย์ให้ยอมแพ้แก่ตาดจะปูนบำเหน็จให้ ด้วยความโลภใจก๊วยจึงทำตาม กองทัพตาดจึงเข้าเมืองได้ เณรเทศพระเจ้าพระเจ้าชิวังตี่ออกนอกประเทศ แล้วแต่งตั้งใจก๊วยเป็นกษัตริย์ขูดรีดจากประชาชน กังฟู (ขุนพลของพระเจ้าชิวั่งตี่) จึงรวบรวมผู้คนยกทัพเข้าตีเมืองหลวงได้ ครั้นกังฟูสิ้นชีวิตลง ชาวจีนระลึกถึงคุณงามความดี พร้อมใจสร้างศาลเจ้าเพื่อสักการะบูชา พร้อมกับรูปปั้นใจก๊วยไว้หน้าประตูศาลเจ้า ทุกวันที่ชาวจีนไปสักการะในศาลเจ้าของกังฟู จะเขกศรีษะรูปปั้นใจก๊วยทุกคนนานเข้ารูปปั้นหดเหลือแค่คอ เพื่อลงโทษให้สาสมจึงได้คิดทำขนมใช้แป้งปั้นเป็นตัวใจก๊วยไม่มีคอ ทอดน้ำมันกำลังเดือด ขนมชื่อ "อิ้วใจก๊วย" (ใจก๊วยถูกทอดในน้ำมัน)

เมื่อขนมชนิดนี้เข้าในสมัยรัชกาลที่ 6 ใหม่ๆ มีซิ้มแก่ ๆ หาบขนมนี้มาขายพร้อมกับปาท่องโก๋ (มีลักษณะคล้ายซาลาเปา แต่มีงาโรยหน้า) ปากก็ร้องขายขนมปาท่องโก๋

คนไทยซื้อขนมอิ้วใจก๊วยมารับประทาน โดยคิดว่าชื่อปาท่องโก๋เลยเรียกขนมชนิดนี้ว่า "ปาท่องโก๋" ติดปากมาจนทุกวันนี้

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 ข้อผิดพลาดในการออกกำลังกาย

ข้อผิดพลาด 10 ประการที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย บางข้ออาจส่งผลกระทบเพียบประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย แต่ในบางข้อ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บได้ ข้อผิดพลาดดังกล่าว

1.ไม่ยืดกล้ามเนื้อให้เพียงพอ ยืดกล้ามเนื้อทันทีหลังการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การยืดกล้ามเนื้อขณะที่กล้ามเนื้อยังอบอุ่นและยืดหยุ่น จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ

2.ใช้น้ำหนักมากเกินไปขณะยกน้ำหนัก อย่าพยายามยกน้ำหนักมากเกินกว่าขีดความสามารถของกล้ามเนื้อ การยกน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีประโยชน์และปลอดภัยมากกว่ากับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

3.ไม่อบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อต้องมีการปรับตัวก่อนออกกำลังกาย จึงควรเริ่มออกกำลังกายช้า ๆ แล้วเพิ่มความหนักเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว

4.ไม่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย หลังการออกกำลังกายทุกชนิด ใช้เวลา 2 – 3 นาทีในการลดอัตราการเต้นของหัวใจและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกายอื่น ๆ

5.ออกกำลังกายหนักเกินไป การออกกำลังกายในระดับปานกลาง โดยใช้เวลาออกกำลังกายนาน มีประสิทธิภาพมากกว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 – 3 นาที

6.ดื่มน้ำน้อยเกินไป อย่ารอจนกระหายน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะหมายความว่าขณะนั้นร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ พกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาที่ออกกำลังกายและตลอดวัน

7.ทิ้งน้ำหนักบนเครื่อง Stairstepper มากเกินไป การทิ้งน้ำหนักลงบนเครื่อง Stairstepper อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อมือและหลัง ลดความหนักของเครื่องจนถึงระดับที่คุณสามารถรักษาท่าทางได้ดี และสามารถวางมือบนที่พักมือได้โดยไม่ทิ้งน้ำหนัก

8.ออกกำลังกายเบาเกินไป ควรออกกำลังกายในระดับที่หนักพอให้เหงื่อออก และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับเป้าหมายของการออกกำลังกาย

9.ใช้แรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก ในขณะที่คุณออกแรงสะบัดเพื่อยกน้ำหนัก กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ จะกระตุกไปด้วย และอาจทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือบาดเจ็บได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังเป็นส่วนที่เปราะบางมาก ควบคุมน้ำหนักที่ยก อย่าให้น้ำหนักควบคุมคุณ!

10.ทาน Energy bar หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อออกกำลังกายในระดับปานกลาง หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทานอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มพลังงานสูง (พลังงานสูงเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของแคลอรี่สูง)

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วิธีถนอมดวงตาเมื่อใช้คอมฯ

เมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจเกิดอาการตาแห้ง สายตาล้า ดังนั้นเพื่อตาคู่สวยจะได้ทำหน้าที่ให้ดีไปนานๆ มาดูเทคนิคการถนอมดวงตา

1. เริ่มจาก 'จอภาพ' ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน และตั้งกับโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป หากระยะห่างระหว่างจอกับตาไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังเกร็ง เนื่องจากท่านั่งไม่สมดุล และต้องก้ม-เงย เป็นเวลานาน

2.ปรับแสงหน้าจอคอมฯ ให้รู้สึกสบายตา โดยดูจากสภาพแวดล้อมในห้องด้วยว่า เมื่อส่องมากระทบจะมีแสงจ้าเกินไปหรือไม่ เพราะแสงที่สว่างมากจะส่งผลเสียต่อตาได้ง่าย อาจทำให้รู้สึกแห้งและแสบตา นอกจากนี้อาจติดแผ่นกรองรังสีเพื่อลดการกระจายแสง

3.คลายความล้า โดยหยุดพักทุก 30 นาที มองไปไกล ๆ หรือหลับตาประมาณ 5 นาที จากนั้นอาจเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อลดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานาน

4.หลังทำงานเสร็จ หลับตา แล้วใช้น้ำเย็นชะโลมดวงตา หรือหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาประคบประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี

ลองไปปรับใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดกันดู เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้ใสปิ๊ง และทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพให้นานที่สุด

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กล้องขนาดจิ๋ว หน้าตาเหมือนกับรีโมทรถยนต์

วันนี้ กล้องถ่ายภาพนั้นจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดกลายเป็นพวงกุญแจไปเรียบร้อยกับ JTT Spy Camera Keychain
JTT Spy Camera Keychain เป็นกล้องขนาดจิ๋ว หน้าตาเหมือนกับรีโมทรถยนต์ ที่คุณภาพก็พอไปวัดไปวาได้ ถ้าภาพนิ่งก็ได้ ถ่ายวีดีโอก็ดี มีหน่วยความจำในตัวถึง 4GB แยกส่วนของการทำงานอย่างชัดเจน เพราะมีปุ่ม 2 ปุ่ม เอาไว้สั่งงานกล้องถ่ายภาพนิ่งปุ่มนึง และกล้องวีดีโออีกปุ่มนึง ความละเอียดของกล้องตัวนี้คือ 1.3 ล้านพิกเซล ขนาดภาพที่ออกมาได้ก็จะประมาณ 640 x 480 /29 fps สำหรับภาพวีดีโอ และขนาด 1280 x 960 / JPEG สำหรับภาพนิ่ง ชาร์จไฟได้ผ่าน USB โดยใช้แบทเตอรี่ขนาด 280mA

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไมโครเวฟจิ๋ว อย่างเจ๋ง


พนักงานบริษัทไฮนซ์ สหรัฐอเมริกา ได้ใช้ไมโครเวฟจิ๋ว "บีนซเวฟ(Beanzwave)" ก่อนใคร เนื่องจากไฮนซ์ร่วมมือกับบริษัทออกแบบเฟรเซอร์ พัฒนาไมโครเวฟจิ๋วที่ใช้พลังงานจากคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป
ไมโครเวฟจิ๋วมีสีฟ้าใส สูง 7.4 นิ้ว กว้าง 6.2 นิ้ว ลึก 5.9 นิ้ว เชื่อมต่อกับแล็ปท็อปทางยูเอสบีพอร์ต ผู้ใช้สามารถอุ่นเครื่องดื่ม ของว่าง ให้ร้อนได้ทันใจ
นายกอร์ดอน แอนดรูว์สและนายสตีเฟน เฟรเซอร์ ผู้ออกแบบ กล่าวว่า "นอกจากจะมีขนาดเล็กแล้ว ไมโครเวฟจิ๋วยังใช้เทคโนโลยีพิเศษเหนือกว่าไมโครเวฟที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้ คือใช้คลื่นความถี่มือถือในการสร้างความร้อน"
สำหรับ "บีนซ์เวฟ" เกิดขึ้นได้เพราะบริษัทไฮนซ์ยักษ์ใหญ่ซอสมะเขือเทศของโลกติดต่อเข้ามาว่า ต้องการได้ไมโครเวฟจิ๋วที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ซึ่งนอกจากเหมาะกับพนักงานบริษัทที่ไม่มีเวลาออกไปหาอาหารข้างนอกรับประทานแล้ว ต่อไปยังจะมีการพัฒนาให้เหมาะกับผู้ที่ใช้ชีวิตกลางแจ้ง เช่น ชาวประมง นักกีฬา เพียงแค่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็นพลังงาน

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

*~ความรัก...กับ...ความรู้สึกดีๆ~*

บ่อยครั้งเคยสงสัยว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะบอก...รัก...คนหนึ่งในขณะที่อีกคนกับบอกแค่ว่า...รู้สึกดีๆ...

ใครคนหนึ่ง...เคยบอกไว้ว่าความรู้สึกดีๆ มันมีอณูที่เล็กกว่า ความรักมันสามารถแทรกซึมผ่านช่องว่างของหัวใจ.....เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายได้..... มันคล้ายกับเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ของความรักรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ให้แสงแดดที่พอเหมาะเอาใจใส่ ดูแล ทะนุถนอม สักวันเมล็ดพันธุ์นั้น...จะเติบใหญ่กลายเป็น “ต้นไม้แห่งความรัก”
มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าชอบแต่ไม่ใช่รักและมีแนวโน้มว่าจะพัฒนาต่อไป.....

ในขณะเดียวกัน...เรารักใครหนึ่งคนอยู่แล้ว แต่กับรู้สึกดีๆ กับใครอีกหลายคนนั่นคืออะไร?

เพราะ...โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ...คนหนึ่งคนไม่สามารถเป็นและให้ทุกอย่างที่เราต้องการได้คนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่เข้าใจเราคนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่ใส่ใจเราคนที่รัก อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่เชื่อใจเรา
เมื่อมีใครมาเข้าใจ ใส่ใจ มีหรือจะไม่รู้สึกดีหัวใจก็ย่อมไหวเอน...เชื่อเถอะว่าเป็นทุกคน.......ถ้าไม่โกหกตัวเอง..... ความรู้สึกดีๆ...เกิดจากความผูกพันทางใจ สุข ทุกข์เราร่วมรับรู้ ไม่ใช่แค่ระยะเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ...เราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบจงยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของกันและกัน..ความรู้สึกดีๆ อาจเกิดขึ้นกับใคร ตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้แต่ความรัก...มันเกิดจากกระบวนการซับซ้อนของหัวใจต้องใช้เวลาในการถักทอ สายใยเบาบางนั้นขึ้นมา... มันอาจเป็นความรู้สึกพิเศษๆ ละม้ายคล้ายกันแต่ในเชิงความหมายแตกต่างแน่นอน

วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดช่วงฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น

"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลายๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์อย่างสูง

นอกจากนี้ ยังมีประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" ประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษา ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้ มีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้า – เย็น และในการนี้จะต้องมีธูป - เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบทนั้น การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีเลยทีเดียว

การดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ

วารสารทางการแพทย์ บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ความเข้มของโลหิตยังสูงและมีผลต่อระบบ ความดันโลหิตในร่างกาย แพทย์แนะนำว่าทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็คือ ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์

นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำ น้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำ อันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้ สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้

นายแพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน

วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี ตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ 1.26 ก.ก.เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียว จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อย หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้ หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

ในระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ส่งไปให้เพื่อนฝูง เพื่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ ควรจะเผยแพร่ให้มากขึ้น

ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าและทดลอง" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ใหญ่ผลิตโลหิตใหม่มากขึ้น ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็นเม็ดโลหิต เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจางมีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของใหญ่¬่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่างๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนได้ผ่านการทดลองและประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน

วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้ คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ

ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มมาแล้ว

1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่าเคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าวว่าตอนที่อายุ 20ปี กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปี ได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ได้ผล ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดื่มน้ำสุกอย่างนี้ ตื่นแต่เช้าหน้าไม่ล้าง ปากไม่บ้วน ดื่มน้ำสุก 5 แก้วทุกๆ วัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นายแพทย์สั่งเสร็จก็กลับไปโดยไม่ให้ยาไปกิน วันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมงปัสสาวะ 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้วๆ มาวันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มากต่อจากนั้นสามเดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้ปฏิบัติดื่มน้ำมายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น

2 เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุกวัน ไม่นานเยื่อสมองที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรคหัวใจและเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำได้ 15 วัน โรคหัวใจ โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้สองเดือนน้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำ นวดไฟฟ้า และรักษาด้วยวิธีเข็มแทงแบบหมอจีนก็ไม่หาย แต่เวลานี้หายไปหมดแล้วจากการดื่มน้ำ

3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้ายสักหลาดในลำไส้ผลิตโลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมาจากไหน แต่ธาตุต่างๆ จะต้องมาจากอาหารอย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมากกลายเป็นของเหลว เมื่อลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่างๆ เสร็จก็จะส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่ทวารหนักซึ่งเป็นของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกาย

4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ 1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้องเป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3 เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือน เห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้นเป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์เดียวก็หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต

ผู้ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด

หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีก ก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้วไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้หรือออกกำลังสัก 20นาที คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน การถ่ายท้องจะเป็นปกติภายใน 7 - 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแค่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้ จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระจันทร์ยิ้ม


เผยคำทำนายปรากฎการณ์พระจันทร์ยิ้ม รอ 44ปีจะมีอีก


"พระจันทร์ยิ้ม" หรือปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน โผล่ให้ชาวไทยได้ยลโฉม ฮือฮากันทั้งบ้านเมือง โหรดังเผยเป็นเรื่องดี เปรียบเหมือนพระ "ปางห้ามญาติ" นำไปสู่ความสงบสุข หลายคนแห่แหนถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก ส่วนต่างจังหวัดตื่นเต้นไม่แพ้กัน จับกลุ่มนั่งชมกันในหลายพื้นที่ แต่พ่อเฒ่าเมืองสุรินทร์ ชี้อาจเป็นการยิ้มเยาะเตือน ให้คนไทยมีสติเลิกทะเลาะกัน เผยต้องรออีก 44 ปี ถึงมีให้เห็นอีกครั้ง พระจันทร์ยิ้มหรือปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนโผล่ให้ชาวไทยยลโฉม ฮือฮากันทั่วบ้านทั่วเมืองครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 18.00 น. วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สวยงามบนท้องฟ้าในช่วงหัวค่ำ ที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "ดาวเคียงเดือน" สามารถสังเกตเห็นได้ทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีท้องฟ้าเปิด โดยปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนจะเห็นดาวเคราะห์ สว่างสุกใส 2 ดวง คือดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดี พร้อมกับดวงจันทร์เสี้ยวมาปรากฏอยู่ใกล้กันทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะมองเห็นเป็นลักษณะเหมือนพระจันทร์ยิ้ม น.ส.ประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดทางดาราศาสตร์ เรียกว่า ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน โดยข้างล่างเป็นดวงจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 1 ข้างบนดวงที่สว่างสุดเป็นดาวศุกร์ ส่วนดวงที่สว่างน้อยกว่าเป็นดาวพฤหัส ในปีนี้มีความพิเศษกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพราะตามปกติปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนจะมีดาวที่มาเคียงดวงจันทร์แค่ดวงเดียว บางครั้งอาจจะเป็นดาวศุกร์หรือดาวพฤหัส การที่ดาวสองดวงมาเคียงเดือนนั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากมาก สามารถดูได้เพียงวันที่ 1 ธันวาคม เท่านั้น ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกจนถึงเวลาประมาณ 20.30 น. สำหรับในวันที่ 2 ธันวาคม พระจันทร์จะอยู่สูงกว่าดวงดาว 12 องศา ซึ่งจะเห็นเป็นรูปพระจันทร์หน้าบึ้งกลับหัว "ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดาวพฤหัส ดาวศุกร์และดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งดาวพฤหัสจะใช้เวลาในการเปลี่ยนราศีปีละ 1 ราศีและใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ทั้งหมด 12 ปี ทำให้โอกาสของดาว 2 ดวงและพระจันทร์โคจรมาอยู่บนราศีเดียวกันเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลานับสิบปี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นไปตามระบบสุริยะ แต่เป็นเรื่องยากที่จะได้พบเห็น ดิฉันเองก็เพิ่งมีโอกาสได้เห็น ดาว 2 ดวงเคียงเดือนเช่นกัน" น.ส.ประพีร์ กล่าว และว่า ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนนี้เป็นเหมือนหน้าพระจันทร์ยิ้มบนท้องฟ้ามองลงมา ซึ่งอาจเปรียบได้ว่าอาจจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นหลังจากที่บ้านเมืองวุ่นวายมานาน นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน เป็นดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณ เพราะทั้งดาวศุกร์และดาวพฤหัสมีความอ่อนโยนนุ่มนวล ส่งผลดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะวันที่ 4 ธ.ค. โดยจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมามีบทบาท คล้ายๆ กับในพุทธกาลที่ก่อกำเนิดพระพุทธรูปปางห้ามญาติจากตำนานการห้ามพระญาติของพระพุทธ เจ้าทะเลาะกัน ในที่สุดก็นำไปสู่ความสงบไม่มีสงครามใดๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าเหตุการณ์สงบก็เป็นเรื่องดีแต่ก็ยังน่ากังวลเพราะดวงเมืองยังถูก ดาวอังคาร มฤตยู และราหูบีบอยู่ ส่วนบรรยากาศในต่างจังหวัด ชาวบ้านต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นไปต่างๆ นานา เริ่มที่ จ.สุรินทร์ ชาวบ้านในเขตอำเภอท่าตูม ต่างพากันออกมายืนจดจ้องดูพระจันทร์ยิ้ม หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เมืองไทยจะสงบสุขเสียที แต่ นายบัว วันดี พ่อเฒ่าวัย 82 ปี กล่าวว่า อาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ เพราะหากสังเกตให้ดีเหมือนพระจันทร์กำลังยิ้มเยาะเย้ยถากถางคนไทยที่เอาแต่ทะเลาะกัน จึงอาจเป็นสัญญาณอันตรายต่อคนไทยที่ควรกลับมาทบทวนตัวเองได้แล้ว ขนาดเทวดาบนฟ้ายังออกมาเตือนสติกัน ส่วนที่ จ.อุทัย ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหลายรายต่างพากันมาถ่ายรูปพระจันทร์ยิ้มเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ต่างพากันมาถ่ายภาพด้วยความสนุกสนาน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณวัดมหาธาตุ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะใช้เป็นที่จัดการแสดงแสงสีเสียง ในงานอยุธยามรดกโลกในช่วงวันที่ 12-21 ธันวาคม มีประชาชนจำนวนมากแห่แหนมาถ่ายภาพปรากฏการณ์พระจันทร์ยิ้ม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง หลายคนถึงกับเอ่ยชมไม่หยุดปากว่า ไม่เคยพบเห็นพระจันทร์ที่น่ารักเช่นนี้มาก่อน

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 อันดับโรงแรมที่หรูที่สุดในโลก

อันดับ 1 Bigelow Aerospace, Las Vegas


เครื่องเดินอากาศ หรือ CSS Skywalker โรงแรมท่องบรรยากาศนอกโลก แต่ยังอยู่ในวงโคจรโลก เหมือนกับเป็นดาวเทียมขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง นั่นเอง ด้วยพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร และขนาดที่ใหญ่ถึง 1 แสนกิโลกรัม มีโครงสร้างของยานที่หนากว่า 18 นิ้ว ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $1 ล้านต่อคืน



อันดับ 2 Galactic Suite โรงแรมอวกาศ

จากความพยายามของ Xavier Claramunt ที่ต้องการผจญภัยในอวกาศด้วยยานขนส่ง ซึ่งตัวยานนั้นออกแบบมาให้มีห้องพัก 22ห้อง ขนาด 7x4 เมตร พร้อมหน้าต่างที่เปิดให้เห็นวิวอวกาศ และสิ่งอำนวยความสะดวก คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งนาซา หรือรัสเซียในการจ่ายเงินที่แพง มากในการขึ้นไปเที่ยวรอบโลกด้วยยานอวกาศเหมือนที่ผ่า นมา ตอนนี้เครื่องต้นแบบสร้างเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างรอนักลงทุนกระเป๋าหนัก ที่มองเห็นอนาคตกระโดดเข้ามาลงทุนเท่านั้นเอง



อันดับ 3 Aeroscraft : โรงแรมบินสุดหรูสำหรับวันพรุ่งนี้

สำหรับโครงการ Aeroscraft บอลลูนยักษ์ลอยฟ้าที่อัดแน่นด้วยพลังงานกว่า 400 ตัน ทำให้สามารถนำพาผู้โดยสารเหินไปกลางอากาศด้วย ความเป็นอยู่ที่หรูหราสุดยอด ที่มีพื้นที่เท่ากับสนามฟุตบอลสองสนามลอยอยู่บนอากาศ ด้วยก๊าซฮีเลียมจำนวน 14ล้านลูกบาศก์ฟุต ตามติด ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์และเชื้อเพลิงไฮโ ดรเจน มีพัดลมขนาดยักษ์ 6 ตัว สามารถนำผู้โดยสารไปได้ประมาณ 250 คน ด้วย ความเร็ว 174 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ความสูง 6,000 ไมล์ ในตัวโรงแรมจะมีคาสิโน ภัตตาคาร ฯลฯ



อันดับ 4 The Lunatic Hotel : โรงแรมบนดวงจันทร์


เปลี่ยนบรรยากาศไปที่โรงแรมบนดวงจันทร์กันบ้างดีกว่า และโครงการนี้ไม่ถือว่าโคมลอยแต่อย่างใด โอกาสที่จะเป็นจริงมีมากเหลือเกินซึ่ง ถ้าเปิดให้บริการเมื่อไหร่คงต้องเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกแน่นอน ถือว่านี่เป็นอีกความฝันของปี 2050 ที่ต้องไปให้ถึงเลยทีเดียว(อีกไม่กี่ปีเอง)


อันดับ 5 The Hydropolis : โรงแรมใต้น้ำระดับ 10 ดาว


เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อาศัยทะเลเป็นฉากหลังอันตระการ ตาให้กับผู้มาพัก ตัวโรงแรมคาดหมายว่าจะสร้างกันที่ดูไบ โดยเฉพาะตัวโรงแรมนั้น ได้ใส่ศูนย์การค้าขนาดยักษ์ที่มีพื้นที่กว่า 1.1 ล้านตารางฟุตเข้าไปด้วย ในตัวโรงแรมยังมีห้องบอลรูมขนาดยักษ์ มีโรงภาพยนต์ดิจิตอลไฮเทค สุดอลังการ และที่เจ๋งสุดๆ ก็คือมีระบบป้องกันตัวเองด้วยจรวดมิสไซล์ที่อยู่ต่ำก ว่าน้ำทะเลลงไป 60 ฟิต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสนุกกับเครื่อง เล่นมากมายในสถานที่ที่เป็น ธีมต่างๆ กว่า 220 แห่ง ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการนี้มี 150 บริษัทที่กระโดดเข้ามาร่วมแย่งชิงกันอยู่ และกว่า จะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้ดำเนินโครงการก็ประมาณปลายปี นี้

อันดับ 6 The Poseidon รีสอร์ทใต้ทะเล

ด้วยพื้นที่ใต้น้ำลึกกว่า 1,200 ตารางฟุตแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่ถูกจับตามากที่สุดแห่ง หนึ่งในโลก เพราะเป็นรีสอร์ทใต้น้ำแห่งแรกของโลกที่จะสร้าง เสร็จภายในปี2009 มีห้องพักสุดหรูขนาด ใหญ่ึถึง 550 ตารางฟุต และนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยียนรีสอร์ทแห่งนี้ สามารถใช้บริการขับเรือดำน้ำ สามารถดำดิ่งไปดูปะการังน้ำลึก ดำน้ำแบบสกูบ้า กีฬาทางน้ำทุกชนิดเท่าที่นึกได้ แล่นเรือใบพารา สำรวจถ้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย

อันดับ 7 Waterworld โรงแรมกลางน้ำตกยักษ์ ประเทศจีน

แค่เห็นดีไซน์ก็รู้แล้วว่านี่มันเป็นโรงแรมแห่งความฝันชัดๆ เพราะตัวโรงแรมเหมือนฝังไปกับน้ำตกแห่งหนึ่งในเมืองจีน ตัวโรงแรมนี้ออกแบบ ให้มีห้องพัก 400 ห้อง ที่สำคัญห้องอยู่ใต้น้ำตก ลูกเล่นที่เป็นทีเด็ดก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมบริเว ณอ่าวของ โรงแรม ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำที่หรูสุดๆ หน้าผาระดับพระเจ้าให้ปีนไต่ และบันจี้จั๊มพ์ รวมถึงลูกเล่นอื่นๆ และโรงแรมนี้จะมีโอกาสสร้างก็ต่อเมื่อผ่านเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้วเท่านั้น


อันดับ 8 โรงแรม Burj al-Arab เมื่อตะวันออกพบตะวันตก ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์


โรงแรมนี้จัดว่าขึ้นชื่อระดับโลก เพราะก่อสร้างและเปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาวแห่งแรกของโลก ความสูงของโรงแรม อยู่ที่ 321 เมตร ตัวโรงแรมนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือนใบพัดเรือ บนพื้นที่ที่เป็นเหมือนเกาะอยู่ห่างจากหาด Jumeirah ประมาณ 280 เมตร ความสุดยอดของโรงแรมนี้อีกอย่างหนึ่งคือการเป็นเอเทร ียมที่สูงที่สุดในโลก คือสูงถึง 180 เมตร มีห้องพักกว่า 200 ห้องที่ไม่ซ้ำกันเลย ด้วย ราคาระหว่าง 1,000 ไปจนถึงมากกว่า 28,000 เหรียญสหรัฐต่อคืน ในตัวโรงแรมมีภัตตาคาร 8 แห่ง แต่ละแห่งมีทั้งบาร์และเลาจ์ ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวก

อันดับ 9 Foldable hotel pods โรงแรมลอยน้ำ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการออกแบบของอังกฤษรายนี้ได้เผยโฉมต้นแบบโรงแรมยักษ์ใหญ่กลางทะเลแห่งนี้ขึ้นมาในงาน Future Holiday Forum โดยชี้ให้เห็นว่าด้วยเทคโนโลยีการเดินทางสมัยใหม่บวกกับการออกแบบชั้นยอด ทำให้โรงแรมชั้นเยี่ยมสมัยใหม่ สามารถไปตั้งอยู่กลางทะเลที่ไหนก็ได้ที่บรรดาแขกอยากไปและอยู่ได้เป็นเวลานานๆ



อันดับ 10 The Apeiron โรงแรมเกาะกลางทะเล


โรงแรม Apeiron island จัดเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว มีพื้นที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร ตั้งอยู่บนความสูง 185 เมตร มีห้องพักระดับหรูหรา มากกว่า 350 ห้อง ทุกอย่างที่อยู่ในโรงแรมนี้คือคำนิยามของความไฮเทคที ่มีระดับ มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะตัวโรงแรมสร้างลากูนขึ้น กลางน้ำเป็นของตัวเอง รวมถึงหาดทรายกลางทะเล ภัตตาคารสุดหรู โรงหนัง แหล่งชอปปิ้ง แกลลอรี่ศิลปะ สปาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำให้การ ประชุมทางไกลกับโลกพื้นดินทำได้โดยสะดวก แม้ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับ 10 แต่ก็ยังไม่ถูกสร้างเสียที