วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

7 สิ่งประดิษฐ์(และอาหาร)ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ !!

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งกำลังจะทดลองเกี่ยวกับเชื้อแบคทีเรีย แต่ด้วยความเผลอเรอของเค้าหรืออย่างไรไม่ทราบ การผิดไม่สนิททำให้เกิดเชื้อราขึ้นเต็มจานเพาะเชื้อ นักวิทยาศาสตร์ท่่านนี้กำลังจะเขวี้ยงทิ้งถังขยะ แต่ก็นึกเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า เชื้อราเป็นยังไง ก็เลยเอามาส่องดู พบว่า บริเวณโดยรอบๆ ไม่มีเชื้อแบคทีเีรียอยู่เลย นั่นทำให้เขานึกถึงการสกัดเชื้อราชนิดนี้เพื่อจะทำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียมีนามว่า เพนิซิลลิน ซึ่งบนโลกนี้ยังมีสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากความบังเอิญแบบนี้อยู่อีกเพียบ เราไปค้นหา7สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดในแบบเดียวกันกันดีกว่า

อันดับ 1 ไวอากร้าเกิดจากงานวิจัยทางการแพทย์เพื่อหายาในการรักษาโรคหัวใจขาดเลือดซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ ทีนี้ เมื่อค้นคว้ายาชนิดนี้ ก็เห็นผลข้างเคียงว่า ทำให้เลือดไหลเลี้ยงตรงส่วนนั้นของผู้ชายมากขึ้น ทำให้เกิดการแข็งตัว ดังนั้น นี่จึงเป็นจุดเริ่มที่เอายาชนิดนี้มารักษาชายที่เป็นโรคนกเขาไม่ขันนั่นเอง

อันดับ 2 สารให้ความหวานในการทดลองของนักวิทยาศาสตร์อันเหน็ดเหนื่อย เมื่อถึงเวลาพัก ต่างก็กินอาหารได้แต่ขนมปังเพราะต้องทำงานต่อ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งซึ่งรู้สึกว่าขนมปังของตัวเองทำไมมันหวานผิดปกติจัง ทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลใดๆ นั่นเป็นที่มาของการค้นพบแซคคารินนั่นเองครับ(สรุปว่าแกไม่ได้ล้างมือสินะขณะกินขนมปัง บรื๋อ)

อันดับ 3 ไมโครเวฟเรื่องเกิดขึ้นที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งชายคนนี้ผ่านเรดาร์ตรวจจับโลหะ ซึ่งเมื่อเขาไปถึงห้อง กำลังจะหยิบช็อคโกแลตในกระเป๋ากางเกงมากิน ก็พบว่า ทำไมช็อคโกแลตมันละลายล่ะ พอย้อนนึกคิด ก็มาถึงบางอ้อตรงที่เรดาร์นี่เอง และก็สร้างผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ขึ้นมา

อันดับ 4 มันฝรั่งทอดกรอบเรื่องของเรื่องมันเกิดจากที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งโดนลูกค้าคนหนึ่งตำหนิว่า ชิ้นมันฝรั่งมันหนาไป และก็ชื้นๆด้วย ไม่อร่อย เจ้าของร้านก็เลยแอบเคืองอยู่เล็กน้อย หาวิธีว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายก็ปิ๊งไอเดีย(และประชดลูกค้ารายนั้น)โดยฝานมันฝรั่งเป็นชิ้นบางมากๆ และเอาไปทอด ซึ่งผลที่ได้คือเป็นแผ่นแข็งๆและไม่สามารถใช้ส้อมจิ้ม(เหมือนจิ้มเฟรนช์ฟราย)ได้ แต่เป็นโชคดีของเจ้าของร้าน เพราะว่า ลูกค้าดันชอบแฮะ ซึ่งจากเรื่องนี้ทำให้เจ้าของร้านได้เมนูใหม่กินกับแกล้มชื่อ Saratoga chips และลูกค้าก็ติดใจกันงอมแงมเลยทีเีดียว

อันดับ 5 คุกกี้ ช็อคโกแลตชิปคุกกี้ได้รับความนิยมกันมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเคยสงสัยมั้ยว่า ช็อคโกแลตชิปทำไมถึงเป็นสากลขึ้นมาได้ เริ่มแรกเกิดจากคุณนายWakefieldพยายามจะทำคุกกี้ช็อคโกแลต โดยคิดว่าถ้าเอาไปอบนั้น ใส่เศษช็อคโกแลตไป มันก็จะละลายและเข้าเนื้อของคุกกี้ได้ดี แต่เธอคิดผิด ช็อคโกแลตไม่ละลาย แต่เป็นเม็ดเล็กๆอยู่ทั่วๆชิ้นคุกกี้ ซึ่งคุณนายเองก็เห็นว่าแจ่มดี และตอนหลังก็ขายสูตรการทำให้กับบริษัทเนสต์เล่ ซึ่งช็อคโกแลตชิปคุกกี้ของเนสต์เล่ยังคงมีบอกสูตรวิธีการทำคุกกี้ของคุณนาย Wakefield เพื่อเป็นการเชิดชูคนที่ทำให้คุกกี้นี้ อยู่ยงคงกระพันไปอีกนาน

อันดับ 6 เทฟลอนเทฟลอนเป็นสสารที่ทนความร้อนและไม่ค่อยทำปฏิกิริยากับอย่างอื่น เหมาะที่จะใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปรุงอาหาร อย่างไรก็ตาม เริ่มแรกเป็นการค้นพบของกลุ่มพัฒนาอาวุธของทหารครับ ซึ่งถูกเก็บข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี1938เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร พอปี 1954 ก็มีช่างคนหนึ่งลองใช้เจ้าสสารชนิดนี้กับกระทะดู ซึ่งก็เป็นที่นิยมกันจนถึงทุกวันนี้ น่าแปลกที่ขอบางอย่างถูกพบแล้ว แต่ต้องใช้เวลา 16กว่าจะรู้ว่าเอาไปทำอะไรได้(อ้อ! กระทะเทฟลอนที่ขาย มีชื่อว่า Tefalนะครับ)

อันดับ 7 หวานเย็นแท่งหวานเย็นแท่งเป็นน้ำหวานที่เอาไปแช่แข็งพอได้ที่ก็ออกมาเป็นแท่งแบบนี้ครับ ซึ่งคนที่ประดิษฐ์คนแรกคือเด็กอายุ11ปี และเก็บความลับเรื่องนี้มาเป็นเวลา18ปีกว่าที่โลกจะรู้วิธีทำและฮิตขนาดนี้ เหตุการณ์ก็คือเขาเผลอเอาน้ำผลไม้เสียบหลอดไปไว้ที่หน้าระเบียง แล้วเผอิญว่าตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว และอากาศข้างนอกหนาวมากๆ เช้าวันต่อมา เด็กน้อยก็ไปดู พบว่า น้ำผลไม้ของเขากลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว และก็เอามากินแบบเดียวกับที่พวกเรากินนั่นแหละครับ (เก็บความลับไว้ตั้ง18ปีเลยนะนั่น)

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

17 วิธีรักษาสุขภาพ

อุณหภูมิ และสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่เราเคยคาดคิด และนี่คือความจริงรวมทั้งวิธีรักษาสุขภาพ 17 ข้อที่เรา อยากให้คุณอ่าน เพราะมันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด อัพเดทสุขภาพกับ 17 ความรู้ HOT HOT …..
1. ป้องกันอาการขาดน้ำด้วยการดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือแบบปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ สมุนไพรเยอะๆ เพราะหน้าร้อน ร่างกายภายในจะมีอุณหภูมิสูง และขับเหงื่อออกมามาก จนอาจทำให้คุณช็อกหมดสติ

2. หลีกเลี่ยงน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงเร็วจนไม่สบาย

3. ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตากลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่นแจ่มใส อาจทำให้เป็นหวัดได้

4. อย่างดอาหารเช้า เพราะร่างกายต้องการอาหารเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญ ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง ของทอด ของมัน

5. หญิงตั้งครรภ์ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนเสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นหวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป

6. คนสูงอายุมักมีระบบย่อยที่ไม่ดี และคนที่มีม้ามบกพร่อง ถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไปจะเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย ทำให้ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน

7. เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรองรังสียูวีเอ และยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier

8. หากผิวแสบร้อนจากการโดนแดด บรรเทาได้ด้วยการกินยาแอสไพริน แล้วแช่ตัวในอ่างน้ำอุณหภูมิห้อง ผสม Bath Oil จากนั้นบำรุงผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ และหลีกเลี่ยงแดดในวันถัดไป

9. ทำสเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียมอย่างง่ายๆ ด้วย น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่เอสเซนเชียลออยล์กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มินต์ 2 หยด และสเปียร์มินต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ในขวดสเปรย์ พกติดตัวและฉีดพรมเมื่อมีอาการ

10. เลือกเครื่องสำอางแบบครีม ที่มีเนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามันปัดทับด้วยบรอนเซอร์ หรือแป้งฝุ่น

11. ควรเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อเบาสบาย ระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าฝ้ายธรรมชาติที่หลวมกระชับตัว

12. หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้น้ำตาลสูง อย่างอาหารจำพวก แป้ง คาร์โบไฮเดรต และผลไม้รสหวานจัด เพื่อควบคุม ระดับพลังงานที่มากเกินไปจนส่งผลต่ออุณหภูมิสูงจากภายในของร่างกาย

13. ป้องกันแมลงกัดต่อยซึ่งมีชุกชุมในฤดูร้อน ด้วยการเลือกทาผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติ

14. เลือกแว่นกันแดดขนาดใหญ่ที่ให้การปกปิดมิดชิด กระชับใบหน้า เพื่อป้องกันรังสียูวีบีจากการเกิดต้อกระจกในดวงตา และผิวไหม้เกรียม ริ้วรอยรอบดวงตา

15. อย่าเข้าใจผิดว่ายิ่งเข้มยิ่งดี สีของเลนส์ในแว่นกันแดดไม่ได้ช่วยในการปกป้องรังสี เพราะประสิทธิภาพสำคัญเกิดจากสารเคมีที่เคลือบ เพื่อสะท้อนรังสี

16. คอนแทคเลนส์ไม่ช่วยอะไร โดยเฉพาะรุ่นที่เคลมว่าสามารถดูดซับรังสีได้ เพราะอย่างไรก็ด้อยประสิทธิภาพกว่าแว่นกันแดด ดังนั้นจึงไม่อาจใช้แทนกันได้

17. ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่น่าเลือกมากที่สุดในปัจจุบัน ควรมีคุณสมบัติบางเบา ซึมซาบไว ติดทนนาน และมีส่วนผสมของสารประกอบจากไทเทเนียม หรือซิงค์ออกไซด์

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาษาดอกไม้กับความหมาย

ภาษาดอกไม้เกิดขึ้นที่เมือง คอนแสตนติโนเปิ้ล กรุงโรมที่ประเทศ... ( อิตาลี ) ใน ค.ศ. 1600 และแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1716 โดย Lady Mary Worthley Montagu เธอใช้เวลาของเธอทั้งหมดอยู่กับสามีของเธอ และได้เผยแพร่สู่ประเทศฝรั่งเศส ในหนังสือชื่อ Le Langage des Fleurs ซึ่งลงความหมายของดอกไม้ไว้กว่า 8,000 ดอก มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในสมัยของ Queen Victoria ภาษาดอกไม้ส่วนใหญ่ที่มีความหมาย ไม่เหมาะสมเกินไปได้ถูกตัดออกไป ภาษาดอกไม้ที่จะนำเสนอต่อไปนี้คือ ความหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรักค่ะ

ชื่อไทย - ชื่อภาษาอังกฤษ - ความหมาย

ดอกกุหลาบตูมสีขาว White Rosebud แด่เธอ... ที่ไม่มีความรู้สึก
ดอกกุหลาบขาว White Rose คุณมีค่าสำหรับฉัน
ดอกกุหลาบสีแดงเข้ม Deep red Rose อายจัง
ดอกกุหลาบสีแดงสด Full red Rose สำหรับคุณที่สวยที่สุดของฉัน

ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง Yellow Carnation สำหรับคุณที่บริสุทธิ์ และน่ารัก
ดอกทิวลิป Tulip ฉันเสียสละทุกอย่างได้เพื่อคุณ
ดอกทิวลิปสีแดง Red Tulip ฉันรักคุณ
ดอกป๊อปปีสีแดง Red Poppy ฉันจะคอยปลอบโยนคุณเอง
ดอกป๊อปปีสีขาว White Poppy ฉันเผลอรักคุณเข้าแล้ว
ดอกป๊อปปีสีม่วง Scarlet Poppy ฉันฝันเห็นหน้าเธอทุกคืน


ดอกโรสแมรี่ Rosemary การเข้ามาในชีวิตผมของคุณ ทำให้ผมมีชีวิตชีวา
ดอกแจสมินอินเดีย Indian Jasmine ฉันเชื่อคุณ คุณเป็นคนสำคัญของฉัน
ดอกโครคัส Crocus ไม่มีพิษ ไม่มีภัย
ดอกรูห์บ๊าบ Rhubarb เตือนสติ
ดอกฮอลลี่ Holly ฉันไม่เคยลืมคุณ
ดอกบัตเตอร์คัพ Buttercup สำหรับคุณที่เป็นคนซื่อ
ดอกไลแลคสีม่วง Purple Lilac ความรักครั้งแรกที่หวานฉ่ำ


ดอกไอรีส Iris ฉันมีอะไรจะบอกคุณ
ดอกเดซี่สีขาว White Daisy สำหรับคุณที่ไร้เดียงสา
ดอกแดนดิเลี่ยน Dandilion ความรักเป็นสิ่งที่พระเจ้าบันดางให้
ดอกพิโอนี่ Peony รู้สึกอับอายขายหน้า
ดอกเบญมาศ Yellow Chrysanthemum ความรักที่บางเบาอ่อนไหวง่าย
ดอกแพนซี่ Pansy รำพึงรำพันถึงความรัก


ดอกบานชื่น Zania คิดถึงเพื่อนเก่า
ดอกบัว Lotus Flower รู้สึกบาดหมางในความรัก
ดอกรองเท้านารี Lady Slipper คุณชนะใจฉัน สวมกอดฉันสิ
ดอกดาวเรือง Marigold ฉันตกเป็นทาสของคุณแล้ว
ดอกผักกาดหอม Lettuce อย่าเย็นกับฉันนักเลย
ผักชีฝรั่ง Parsley ความรู้ที่มีประโยชน์

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประวัติองค์พระปฐมเจดีย์

พระปฐมเจดีย์ หรือเดิมเรียกว่า พระธมเจดีย์ มีฐานะเป็นมหาธาตุหลวง ของแผ่นดินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า พระธมเจดีย์องค์นี้ อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้น เมื่อคราวที่พระสมณทูต ในพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิ ก็เป็นได้ เพราะพระเจดีย์เดิม มีลักษณะทรงโอคว่ำ หรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี แต่ปรากฏว่ามียอดเป็นแบบปรางค์ ซึ่งพระองค์ฯ ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า อาจมีเจ้านายพระองค์ใดมาบูรณะไว้ก็เป็นได้ ซึ่งตรงกับความในศิลาจารึกหลักที่ 2 (ศิลาจารึกวัดศรีชุม) ของ พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ อันได้กล่าวไว้ว่า พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ท่านทรงได้แวะมาบูรณะพระธมเจดีย์องค์นี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับเมืองราด เมื่อคราวที่ท่านเสด็จกลับจากศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชทานนามใหม่ว่า พระปฐมเจดีย์ ด้วยทรงเชื่อ ว่านี่คือเจดีย์แห่งแรกของสุวรรณภูมิ นั่นเอง
ในเรื่องนี้
นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีบางท่าน ได้ระบุว่า พระปฐมเจดีย์ไม่ได้เป็นเจดีย์ที่เก่าที่สุดของสุวรรณภูมิ แต่เป็น พระมหาธาตุหลวง ในยุคทวารวดี มากกว่า เนื่องด้วยเหตุผลประกอบหลายประการ โดยเฉพาะ การค้นพบเจดีย์ ที่มีอายุเก่าแก่กว่าพระธมเจดีย์ และหลักฐานลายลักษณ์อักษร ที่ระบุว่า " พระเจดีย์องค์นี้ เดิม ขอมเรียก พระธม " ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาวขอมจริงๆ หรือชาวลวรัฐ ซึ่งสมัยนั้นเราก็เรียกว่าขอม เช่น ขอมสบาดโขลญลำพง คำว่า ธม สำหรับชาวขอมนั้น แปลว่า ใหญ่ ตรงกับคำเมืองว่า หลวง ซึ่งเราก็เรียกพระนครธม ว่า พระนครหลวง ด้วยเหตุผลเดียวกัน
นอกจากนี้
พระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บรรจุที่ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม และฐานพระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามที่มีพระบรมราชโองการสั่งไว้ในพระราชพินัยกรรม ต่อมา ในพุทธศักราช 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระอังคารของ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ไปบรรจุไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 6 ที่ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์




วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประเทศฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (République française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมืองประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วยประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้นๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง



ที่มาและประวัติของชื่อ
คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากภาษาละติน Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า ดินแดนแห่งแฟรงค์ (Frankland) และมีหลายทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่า แฟรงค์ (Franks) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำในภาษาโปรโต-เยอรมัน Frankon ซึ่งแปลว่า หลาว หอก หรือทวนซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงค์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ฟรานซิสกา (Francisca)อีกทฤษฎีหนึ่งตามหลักนิรุกติศาสตร์คือในภาษาเยอรมันโบราณ คำว่า แฟรงค์ แปลว่า อิสระ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นทาส โดยคำดังกล่าวยังคงปรากฎในภาษาฝรั่งเศสปัจจุบันในรูป ฟรังก์ (Franc) ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโรในปี พ.ศ. 2545ในปัจจุบันประเทศเยอรมนียังเรียกประเทศฝรั่งเศสว่า Frankreich ซึ่งแปลว่า อาณาจักรแห่งแฟรงค์ อีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พระราชวังแวร์ซายส์ Palace of Versailles











พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังที่สวยงามมากสร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิก อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ ลงมือสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) สร้างอยู่นาน เวลา 30 ปี สิ้นเงินค่าสร้าง 500,000,000 ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมากภายในพระราชวังแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น มีห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ฯลฯ แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย ทั้งวัตถุและภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จึงต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าโดยทางใด ทุก ๆ ปีจะมีนัก ปัจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส และโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปี