วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

12เทคนิคเพิ่มพลังสมอง

หากรู้สึกสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ลองมาเพิ่มพลังสมองด้วยเทคนิคง่ายๆ ใครๆก็ทำได้กันดีกว่า

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอกันสมองเ่ยว เพราะในสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 85 เปอร์เซ็นต์ หากดื่มน้ำน้อยเกินไปเซลล์สมองจะขาดน้ำ การสื่อสารส่งถ่ายข้อมูลระหว่างเซลล์จะช้าลง ทำให้คิดอะไรไม่ออก หรือคิดช้าตามไปด้วย

2. กินอาหารที่มีไขมันดี เพื่อไปทดแทนก้อนไขมันที่สึกหรอในสมอง เช่น น้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาทะเล และน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

3 . ตั้งใจทำงาน หากใส่ใจทำอะไรก็ตามสมองจะตั้งโปรแกรมว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แล้วปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งคือการทำงานให้สำเร็จนั่นเอง

4. กระตุ้นสมองให้ทำงานอยู่เสมอ เช่น ฝึกคิดเลขเร็ว เล่นเกมจับผิดภาพ ต่อจิ๊กซอร์ เป็นต้น

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายหลั่งสารเอนดรอร์ฟิน กระตุ้นพลังออร่า (aura)ให้สว่าง และดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

6. ฝึกสมาธิ พัฒนาอารมณ์หลังตื่นนอนตอนเช้าด้วยการจิตนาการภาพต่างๆ เช่น การเดินเล่นริมทะเล หรือนึกถึงสิ่งดีๆที่จะทำในวันนี้

7. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน เช่น การกินอาหารร้านใหม่ รู้จักเพื่อนใหม่ เพราะจะทำให้สมองหลั่งสารเอนดรอร์ฟินและโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้

8. รู้จักให้อภัยเพื่อลดภาระของสมอง การไม่ให้อภัยคนอื่น โกรธตัวเอง ขี้โมโห ทำให้เปลืองพลังงานสมองเป็นอย่างยิ่ง

9. ฝึกพูดดีๆกับตัวเอง เพื่อเป็นการส่งผ่านความสุขให้ตัวเรา

10. เขียนบันทึกขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นทุกวัน จะทำให้สมองคิดเชิงบวกและหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ทำให้นอนหลับฝันดี ตื่นมามีสมาธิและความคิดสร้างสรรค์

11. ฝึกหายใจให้ลึก สมองจะได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ

12. เข้านอนเวลา 21.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อน หากพักผ่อนไม่เพียงพอสมองจะทำงานหลักและล้า กลายเป็นคนคิดช้าและคิดอะไรไม่ค่อยออก ใครที่อยากเพิ่มพลังสมอง ลองฝึกดูนะคะ ไม่ยากเลย

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ระวัง 5 สารพิษใกล้ตัว

ในชีวิตประจำวันของพวกเรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาทำให้ชีวิตเราสบายและรวดเร็วมากขึ้น แต่ในทางกลับกันความสะดวกสบายเหล่านั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ โดยเฉพาะสารพิษ สารเคมีใกล้ตัวที่เป็นภัยต่อสุขภาพและไม่อาจมองข้ามได้

1.เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในบ้านและสำนักงานจำพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้มักตรวจพบสารฟอร์มาลดีไฮด์ตกค้าง และสารเคลือบเงาเช่น โทลูอีน ไซลีนและเอธิลเบนซิน รวมถึงสีที่มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบหลุดลอกจากเฟอร์นิเจอร์ หรือผนังอาคารปะปนกับฝุ่นผงในอากาศ

อาการ : สารฟอร์มาลดีไฮด์ โทลูอีน ไซลีน เมื่อสูดดมเข้าไปบ่อยๆ จะมีอาการระคายเคืองจมูกและลำคอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ระคายเคืองต่อผิวหนังหรือระบบทางเดินหายใจ ส่วนสารตะกั่วนอกจากจะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ เบื่ออาหารแล้ว ถ้าได้รับเป็นเวลานานและปริมาณมากจะมีผล คือ ปวดท้องรุนแรง ทำลายสมอง ไต ระบบการย่อยอาหารและระบบการได้ยิน

วิธีป้องกัน : ทำความสะอาดห้องทำงานอยู่เสมอ และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี

2.น้ำยาลบคำผิดและกาว มีส่วนผสมของสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะมีทินเนอร์และสารประกอบอินทรีย์เคมีชนิดต่างๆ ประกอบอยู่ ได้แก่ สารโทลูอีน เบนซิน และสไตลีน ซึ่งมีกลิ่นพิเศษ เฉพาะและระเหยปะปนในอากาศได้ง่าย

อาการ : หากสูดดมในระยะสั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ วิงเวียน หน้ามืด มีผลกระทบต่อประสาทส่วนกลาง และเสียการทรงตัวได้ หากสูดดมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้โครโมโซมในเม็ดเลือดผิดปกติจนถึงขั้นเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หรือหากกลืนสารเหล่านี้เข้าไปและมีการสำลักร่วมด้วยอาจทำให้ปอดอักเสบได้

วิธีป้องกัน : หลีกเลี่ยงการสูดดมและจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี

3.ฝุ่นละอองในสำนักงาน อาจเกิดจากผงหมึกที่กระจายออกมาจากเครื่องถ่ายเอกสาร ฝุ่นเยื่อกระดาษที่อาจพบตามเอกสารต่างๆ บนโต๊ะทำงาน หรือกระดาษปิดผนังหรือวอลเปเปอร์ โดยฝุ่นเหล่านี้สามารถเข้าไปสะสมในปอดได้

อาการ : จะมีอาการไอ จาม และระคายเคืองต่อตา จมูก และคันผิวหนัง หากได้รับบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคหอบหืดได้

วิธีป้องกัน : ควรจัดวางโต๊ะทำงานไม่ให้หนาแน่น ทำความสะอาดห้องและโต๊ะทำงานเป็นประจำ แบ่งโซนเครื่องถ่ายเอกสารหรือหนังสือให้อยู่ในมุมที่ห่างไกลจากคนทำงาน

4.สารเคมีจากคอมพิวเตอร์ มีผลการศึกษาของนักวิจัยในสวีเดนระบุว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โดยสารเคมีที่ชื่อ Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในจอวิดีโอหรือปากกาเคมี ตลอดจนสเปรย์ปรับอากาศ ซึ่งมีกลิ่นจากสารเคมี

อาการ : ระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูกและตาได้

วิธีป้องกัน : ทำความสะอาดห้องทำงานอยู่เสมอ และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี

5.ไอเสียจากรถยนต์ ในระหว่างการเดินทางไปทำงานและกลับบ้านทุกๆ วันท่ามกลางการจราจรอันแออัด คุณแม่มีโอกาสได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์จากรถยนต์ที่วิ่งอยู่ตามถนน และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพของคุณแม่แย่ลงได้

อาการ : ถ้าได้รับปริมาณน้อยๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หายใจ หอบสั้น คลื่นไส้ ง่วงซึม และการตัดสินใจไม่ค่อยเด่นชัด มีความสับสน แต่ถ้าในระดับความเข้มข้นที่สูงมากๆ ก็ทำให้ประสาทมึนงง ซึม และหมดสติ

วิธีป้องกัน : ใช้ผ้าปิดปาก หลีกเลี่ยงการสูดดมหรืออยู่ในสถานที่ที่ระบายอากาศได้ดี

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

กินผลไม้พื้นบ้านต้านโรค

เมืองไทยมีผลไม้พื้นบ้านราคาย่อมเยาอยู่มากมายที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกายในปริมาณสูงอีกทั้ง ยังได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ว่าสารเคมีที่อยู่ในผลไม้นั้นมีสรรพคุณเป็นยากระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ รวมถึงเสริมสร้างภูมิต้านทานได้อีกด้วย ฝรั่ง ผลไม้พื้นบ้านราคาถูก และออกผลตลอดปี ทุกสายพันธุ์ล้วนเป็นสุดยอดผลไม้ที่มีวิตามินซี ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงมาก ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น จึงสามารถป้องกันการเป็นไข้หวัดได้ หรือช่วยสร้างรวมทั้งป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันที่เราเคยท่องจำกันในสมัยเด็กๆ ได้อีกด้วย มะเฟือง นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มเปี่ยม มะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัสและแคลเซียม ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกช่วยขับเสมหะได้

ทับทิม ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว ออกฤทธิ์เป็นยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง นอกจากนี้ หากดื่มน้ำทับทิมตอนเช้าวันละ 1 แก้วจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ ในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้

มะละกอแขกดำ ผลไม้สุดร่อยที่มีประโยชน์ใช้สอยอีกมากมาย เนื้อมะละกออุดมไปด้วยวิตามินซี มีเบต้าแคโรทีน ไลโคพีน รวมถึงมีแมกนีเซียม ทองแดง โพแทสเซียมและใยอาหาร เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณชุ่มชื้น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ขจัดไขมันในผนังลำไส้ ช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น

ส้มโอ ในส้มโอมีสารเพคติน (Pectin) สูง มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและมีสารโมโนเทอร์ปืน ที่ช่วยในการจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้นหากรับประทานส้มโอหลังมื้ออาหารจะช่วยขับลมในกระเพาะและลำไส้ช่วย ให้ระบบย่อยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


มะขาม เนื้อมะขามมีสารแอนทราควินิน (Antraquinone) ซึ่งช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อีกทั้งยังมีกรดอินทรีย์ (Organic Acid) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาร์ริก (Tartaric Acid) และกรดซิตริค (Citric Acid) มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหาร และช่วยให้ขับถ่ายสะดวก
มะยม เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ